ฟังวิทยุออนไลน์

รัฐบาลพร้อมรับมือแผนเผชิญเหตุเตรียมรับมือน้ำฝนปี 2566 พร้อมเตือนภัย จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง

ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ประเทศไทยจะเผชิญกับฝนตกหนักในช่วงวันที่ 28 - 31 กรกฎาคม 2566 และอาจมีผลกระทบจากน้ำท่วมสูงได้ถึงวันที่ 2 สิงหาคม จากร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเพื่อนบ้านและจะเข้าสู่ประเทศไทยตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนรัฐบาล โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เร่งสร้างการรับรู้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำเน้นการปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ำทะเล
โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อม ของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือ ได้ทันที และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพ ได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
จับตาเฝ้าระวัง น้ำท่วม-น้ำป่า
รัฐบาลตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝน ปี 2566 มอบหมายให้ กอนช. ลงพื้นที่สร้างการรับรู้ให้ประชาชน และซ้อมแผนเผชิญเหตุทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมในพื้นที่เสี่ยงไปแล้วที่ภาคใต้ และภาคอิสาน โดยเน้นย้ำบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ทรัพยากร สถานที่ สิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ สำหรับพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝนนี้
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ด้าน กอนช. เผยว่า ได้ติดตามสภาพอากาศพบว่าร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านประเทศไทย ทำให้ฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์ พบพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน ในช่วงวันที่ 28 ก.ค.- 2 ส.ค. ดังนี้
ภาคเหนือ
• จ.ตาก (อ.อุ้มผาง)
• จ.อุทัยธานี (อ.บ้านไร่)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
• จ.ชัยภูมิ (อ.เกษตรสมบูรณ์)
• จ.หนองคาย (อ.เมืองหนองคาย)
• จ.บึงกาฬ (อ.เซกา และบึงโขงหลง)
• จ.นครพนม (อ.ท่าอุเทน และศรีสงคราม)
• จ.สกลนคร (อ.โคกศรีสุพรรณ)
• จ.ร้อยเอ็ด (อ.เสลภูมิ และโพนทอง)
• จ.บุรีรัมย์ (อ.นางรอง)
• จ.สุรินทร์ (อ.ชุมพลบุรี)
• จ.ศรีสะเกษ (อ.ภูสิงห์ ขุขันธ์ ขุนหาญ และปรางค์กู่)
• จ.อุบลราชธานี (อ.บุณฑริก)
ภาคตะวันออก
• จ.ฉะเชิงเทรา (อ.ท่าตะเกียบ)
• จ.ชลบุรี (อ.บ่อทอง)
• จ.ระยอง (อ.เขาชะเมา บ้านค่าย แกลง และบ้านฉาง)
• จ.จันทบุรี (อ.เมืองจันทบุรี ขลุง มะขาม เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ โป่งน้ำร้อน แก่งหางแมว และนายายอาม)
• จ.ตราด (อ.เมืองตราด บ่อไร่ เกาะช้าง แหลมงอบ และเขาสมิง)
ภาคใต้
• จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง กะเปอร์ และกระบุรี)
• จ.พังงา (อ.เมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง)
• จ.ภูเก็ต (อ.เมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
• จ.กระบี่ (อ.เมืองกระบี่)
• จ.สุราษฎร์ธานี (อ.บ้านตาขุน และพนม)
• จ.นครศรีธรรมราช (อ.ช้างกลาง)
อย่างไรก็ตาม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือ ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน รวมถึงเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลากและบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที โดยสามารถติดตามข่าวสารได้จาก กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar