ฟังวิทยุออนไลน์

ความคืบหน้าอพยพคนไทยและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อิสราเอล

จากสถานการณ์สงครามการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วรวมมากกว่า 3,600 คน
ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานไทยอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลประมาณ 3 หมื่นราย โดยอยู่ในพื้นที่ใกล้ฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบ และขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์ต้องการกลับมายังประเทศไทยแล้ว 7,596 คน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการนำคนไทยในอิสราเอลกลับประเทศ และพร้อมจะเจรจากับหลายประเทศเพื่อช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล
•สถานการณ์ชาวไทยในอิสราเอล (ณ วันที่ 16 ต.ค. 66)
- เสียชีวิต 29 ราย
- ผู้บาดเจ็บ 16 ราย
- ผู้ถูกจับกุม 17 ราย
- ประสงค์ขอกลับ 7,596 คน
- ไม่ขอกลับ 99 คน
ความคืบหน้าอพยพคนไทยกลับจากอิสราเอล
ปัจจุบันมีการอพยพคนไทยออกจากอิสราเอลจำนวน 5 ครั้ง ผ่านเครื่องบินจากกองทัพอากาศและสายการบินพาณิชย์ อาทิ นกแอร์, สไปซ์แอร์ และแอร์อิสราเอล โดยมีคนไทยในอิสราเอลได้กลับประเทศแล้ว 561 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ต.ค.66 เวลา 9.00 น.) จากผู้แจ้งความประสงค์ขอเดินทางกลับไทยทั้งสิ้นราว 7,596 คน
- คนไทยกลุ่มแรก กลับมาถึงไทยในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 รวม 41 คน
- กลุ่มที่สอง ถึงประเทศไทยในวันที่ 13 ตุลาคม 2566 รวม 56 คน
- กลุ่มที่สาม ถึงประเทศไทยในวันที่ 15 ตุลาคม 2566 รวม 90 คน
- กลุ่มที่สี่ ถึงประเทศไทยในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 รวม 130 คน
- กลุ่มที่ห้า เดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 16 ตุลาคม เวลา 19.05 น. รวม 244 คน
ล่าสุดสถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งผ่านเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, Tel Aviv (ทุกเรื่องเมืองยิว) ขอให้คนที่ประสงค์จะเดินทางกลับไทย ยืนยันความประสงค์ด้วยการเดินทางมาที่ศูนย์พักพิงที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทลอาวีฟ โดยสถานทูตฯ สามารถอำนวยความสะดวกให้ได้เดินทางกลับไทยในเที่ยวบินที่เร็วที่สุดต่อไป โดยตั้งแต่
วันอังคารที่ 17 ต.ค. 66 จะมีเที่ยวบินกลับไทยทุกวัน สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาที่ศูนย์พักพิงฯ ขอให้รวมกลุ่มเดินทางมาที่ศูนย์ และขอใบเสร็จจากคนขับรถ เพื่อนำไปเบิกที่ประเทศไทยต่อไป ส่วนกรณีคนไทยที่เดินทาง กลับไทยผ่านสายการบินพาณิชย์ รัฐบาลไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการซื้อบัตรโดยสาร ตั้งแต่มีการประกาศภาวะสงครามในอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ด้านนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า แผนของกองทัพอากาศ ที่จะต้องไปรับคนไทยที่อิสราเอล ได้จัดเที่ยวบินไว้ทั้งหมด 5 เที่ยวบิน ซี่งจะเดินทางอีกครั้งในวันที่ 18 ต.ค.นี้ สามารถรับผู้โดยสารกลับมาได้ประมาณ 800 คน และคาดว่าจะสามารถนำคนไทยกลับมาได้ภายใน สิ้นเดือน ต.ค.นี้ อยู่ที่ประมาณ 6,000 คน
รวม 4 มาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบ
1.รัฐบาลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทั้งของสายการบินเอกชนจากต่างประเทศ สายการบินเอกชนของไทย และกองทัพอากาศ
2.มาตรการช่วยเหลือด้านแรงงาน
2.1“เยียวยา” แรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย กระทรวงแรงงานจ่ายรายละ 15,000 บาท ทันที ตามสิทธิประโยชน์เงินสงเคราะห์ ทั้งนี้ แรงงานที่เสียชีวิตจะได้รับ 40,000 บาท เป็นค่าทำศพ และเงินเยียวยาสำหรับครอบครัวรายละ 40,000 บาท สำหรับผู้บาดเจ็บจะได้รับการจ่ายเงินเยียวยา รายละ 15,000 บาท
2.2“หางานใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ” กระทรวงแรงงานจะเจรจาประสานให้กับแรงงานไทยที่ยังไม่หมดสัญญาและประสงค์จะกลับไปทำงานที่อิสราเอล (เมื่อเหตุการณ์สงบ) รวมทั้งสอบถามความสมัครใจของแรงงานหากไม่ประสงค์กลับไปทำงานที่อิสราเอล สามารถแจ้งความประสงค์ไปที่กระทรวงแรงงาน เพื่อเดินทางไปทำงานยังประเทศอื่น ๆ
ในส่วนผู้ที่มีความประสงค์จะทำงานในประเทศไทยทางกระทรวงแรงงานพร้อมหางานให้ โดยสามารถแจ้งมาได้ที่กรมการจัดหางาน
2.3“ฝึกทักษะฝีมือ รองรับอาชีพใหม่” กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถติดต่อสถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานที่ตั้งอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเข้ารับการฝึกทักษะด้านอาชีพเสริม และสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว
2.4“ดูแลสิทธิประโยชน์ และค่าจ้างค้างจ่าย” ประสานนายจ้างเพื่อดำเนินการจ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังค้างจ่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา
3.มาตรการพักชำระหนี้สำหรับแรงงานที่กู้เงิน ธ.ก.ส.
- กรณีเสียชีวิตจะให้ความช่วยเหลือด้วยการยกหนี้ให้ทั้งหมด
- กรณีกลับประเทศอย่างปลอดภัย ธนาคารจะช่วยเหลือด้วยการ
ลดดอกเบี้ยเหลือ ร้อยละ 0.01 เป็นเวลา 3 ปี และพักเงินต้นกับดอกเบี้ยให้เป็นเวลา 1 ปี (มีลูกค้า ธ.ก.ส.เข้าเงื่อนไข 150 ราย วงเงินกว่า 10 ล้านบาท โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.พิจารณาภายใน เดือนนี้)
4.มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลอิสราเอล
- กรณีบาดเจ็บ ถ้าได้รับบาดเจ็บเกินกว่า 10% แต่ไม่เกิน 19%
จะเยียวยา 1.4 ล้านบาท ถ้าบาดเจ็บเกิน 20% ขึ้นไป จะให้การดูแลตลอดชีวิต
- กรณีเสียชีวิต ภรรยาจะได้เงินตลอดระยะเวลาที่ยังไม่แต่งงานใหม่
ประมาณ 30,000 กว่าบาทต่อเดือน และบุตรจะได้รับการดูแลเดือนละ 10,000 - 15,000 บาท จนถึงอายุ 18 ปี

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar