ฟังวิทยุออนไลน์

ติดตามการประชุม APEC ครั้งที่ 30

นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรม ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12 - 19 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ถือเป็นเวทีเศรษฐกิจชั้นนําที่จะอำนวยความสะดวกในเรื่อง การค้า การลงทุน การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 30 ณ นครซานฟรานซิสโกรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ภายใต้หัวข้อ “การสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนสำหรับทุกคน” (Creating a Resilient and Sustainable Future for All) หัวข้อสำคัญในการประชุม APEC คือ

- เชื่อมต่อถึงกัน (Interconnected)
- นวัตกรรม (Innovative)
- ครอบคลุม (Inclusive)
ประกาศไทยพร้อมขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ในงานสัมมนา Networking Reception นายกฯ ได้ประกาศถึงความพร้อมในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจของไทย สะท้อนบทบาทของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือ ที่ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่อไทย ส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้
ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อรับมือกับความท้าทายและส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน
• ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน
• มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากในเอเชีย
• มีแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจมหภาคที่ดี เสถียรภาพทางการเมือง การบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ
• สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการลงทุน
โดยสหรัฐฯ ถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของไทย ขณะที่ด้านการลงทุนจากข้อมูลของ BOI แสดงให้เห็นว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับสามของไทย ด้วยเงินลงทุนรวม 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสำคัญ ศักยภาพ และโอกาสสำหรับภาคเอกชนสหรัฐฯ ดังนี้
- ด้านการลงทุน ผลักดันประเทศ สู่ “เศรษฐกิจใหม่ (New Economy)
- ด้านความยั่งยืน มุ่งมั่นสร้างการเติบโตสีเขียวและยั่งยืน
- ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้าเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าผลักดันความร่วมมือการค้าการลงทุน
นายกฯ หารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ ย้ำความพร้อมไทยในการเป็นฐานการผลิต พัฒนา Supply chain รัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนความร่วมมือ การค้า การลงทุนระหว่างกัน
• บริษัท Tesla บริษัทธุรกิจด้านรถยนต์ไฟฟ้าและด้านพลังงานชั้นนำของโลก
- หารือเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด
- ตอกย้ำถึงความเป็นศูนย์กลาง EV และพลังงานทดแทนของไทยในอนาคต
- เชิญชวนให้เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
• บริษัท HP ผู้นำด้านการผลิต PC & Laptop และกลุ่มเครื่องพิมพ์
- เชิญชวนขยายการลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิต
- พัฒนา supply chain และตั้งสำนักงานภูมิภาค เพื่อเพิ่มการผลิตในไทย
- สร้างความร่วมมือในด้านการศึกษา (Academic) เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ
- กล่าวถึงความคืบหน้าและการพัฒนาโครงการ Landbridge ของไทย พร้อมเชิญชวนบริษัท HP เข้ามาร่วมโครงการฯ ช่วยลดค่าขนส่ง และสามารถทำให้ไทยเป็นฐานการส่งออกที่เหมาะสมเป็นอย่างดี
• บริษัท Analog Devices, Inc. หรือ ADI บริษัทผลิตวงจรรวม (Integrated Circuit: IC) รายใหญ่ระดับโลก
- สนับสนุนให้ ADI ขยายการลงทุนในไทย
- รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนอย่างเต็มที่ โดยมีสถาบันการศึกษาในไทยพร้อมที่จะทำงานกับบริษัทฯ เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะกับทักษะความสามารถ ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบวงจรผลิตแผ่นเวเฟอร์ที่ ADI ต้องการ
• Amazon Web Services (AWS)
- เปลี่ยนผ่านประเทศไทยเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล และ innovation hub ผ่านการมาลงทุนของเทคโนโลยีคลาวนด์ (AI, ML, data analytics, IoT) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลที่สำคัญ และรากฐานในการพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจ
- เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ของคนรุ่นต่อไป
- AWS ที่เป็น hyperscale data center ระดับโลกเจ้าแรกที่กำลังลงทุนก่อสร้าง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท) ในระยะเวลากว่า 15 ปี
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง แลนด์บริดจ์ หนึ่งใน Mega Project มูลค่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยให้ทั่วโลกตระหนักถึงวิสัยทัศน์ ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งการพาณิชย์และ โลจิสติกส์
• โครงการแลนด์บริดจ์ (ชุมพร-ระนอง)
- โครงการแลนด์บริดจ์พัฒนาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการผลิตและการขนส่ง
- โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นเส้นทางเพิ่มเติมที่สำคัญ เพื่อรองรับการคมนาคมขนส่ง และเป็นทางเลือกที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาช่องแคบมะละกา ที่ถูกกว่า เร็วกว่า และปลอดภัยกว่า
- ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สร้างงาน 280,000 ตำแหน่ง
- คาดว่า GDP ของไทยจะเติบโต 5.5% ต่อปี หรือเทียบเท่ากับ 670,000 ล้านดอลลาร์เมื่อดำเนินโครงการอย่างเต็มรูปแบบ
แนวทางการสื่อสาร
1. ขยายประเด็นสำคัญจากข้อสรุปของการประชุม ซึ่งนายกฯ ได้หารือ
และพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ โดยอาจหยิบตัวอย่างจากผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
2. นำเสนอความพร้อมของไทยในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พร้อมผลักดันเรื่องการค้าการลงทุน
3. ทำความเข้าใจกับประชาชนว่าโครงการแลนด์บริดจ์คืออะไร ส่งผลดี ต่อประชาชนและประเทศไทยอย่างไร เช่น นำเสนอรายละเอียด และประโยชน์ของโครงการ
4. นำเสนอถึงความจำเป็น ความสำคัญที่นายกฯ ต้องเดินทางไปต่างประเทศ


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar